ไรเดอร์หนุ่มตัดพ้อ วอนลูกค้าให้ทิปหน่อย เพราะได้เงินจากแอปน้อยมาก จะโดนไล่ที่อยู่แล้ว

LIEKR:

"คุณรู้ไหม.. ว่าทุกวันนี้ผมได้เงินจากแอปเท่าไหร่ ผมได้น้อยมาก ผมต้องอยู่ข้างนอก ต้องเสี่ยง แต่กลับไม่มีใครสนใจสักคน" หนุ่มส่งอาหาร กล่าวทั้งน้ำตา

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่า มีคลิปวิดีโอหนึ่งใน TikTok ที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากในขณะนี้ คลิปวิดีโอดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่โดย "ไรลีย์ ท็อดด์" และระบุข้อความว่า "ผมต้องอยู่ข้างนอก เสี่ยงกับการติดโรค แต่ไม่มีใครสนใจสักคน"

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

    ในคลิปเผยให้เห็นภาพขณะที่เขากำลังนั่งอยู่ในรถและพูดว่า อยากจะให้ใครก็ตามที่สั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันสั่งอาหารออนไลน์ได้เข้าใจถึงชีวิตคนทำงานส่งอาหาร พร้อมกับเผยต่อว่า ตนทำงาน 45 นาที ตนได้เงินเพียง 2.50 ดอลลาร์ (ราว 75 บาท) ทั้งนั้น และส่วนมากสถานที่ที่ตนไปส่งอาหารนั้นเป็นอาคารสำนักงานที่ไม่มีที่จอดรถ หากอยากจอดรถก็ต้องเสียค่าจอด และลูกค้าก็ไม่ยอมลงมาเอาอาหารข้างนอก ตนก็ต้องเอาไปส่งให้ข้างใน ทำให้เสียค่าจอดรถไปอีกประมาณ 3 ดอลลาร์ (ราว 90 บาท) ในขณะที่ลูกค้าให้ทิปแค่ 1.50 ดอลลาร์ (ราว 50 บาท) เท่านั้น และนั่นหมายความว่า ตนได้เงินประมาณ 35 บาท จากการทำงาน 1 รอบ

    นอกจากนี้ ไรลีย์ ท็อดด์ ยังได้กล่าวอีกว่า ตนต้องหาเงินให้ได้เยอะกว่านี้ 3 เท่า เพื่อจ่ายค่าเช่าบ้านที่จะถึงกำหนดจ่ายในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า แล้วตนยังหาเงินไม่ได้เลย การที่ตนต้องทำงานหนักหลายอย่าง ไม่ได้หลับไม่ได้นอน และแทบไม่มีเวลากินข้าว ไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าหาเงินไม่ได้ตามกำหนดตนก็จะกลายเป็นคนไร้บ้านเป็นรอบที่ 3 เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ให้ทิปคนส่งอาหาร ก่อนจะทิ้งท้ายว่า "มันยากเหรอ..ที่จะให้ทิปคนส่งอาหารเยอะขึ้นหน่อย" ไรลีย์ ท็อดด์ กล่าว

    โดยหลังจากที่คลิปวิดีโอดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปก็กลายเป็นที่สนใจในโลกออนไลน์ทันที มีคนเข้าไปดูคลิปวิดีโอของเขาถึง 3.5 ล้านครั้ง และมีชาวเน็ตจำนวนมากเข้าไปแสดงความคิดเห็นมากมาย ทั้งเห็นใจและให้กำลังใจไรเดอร์คนดังกล่าว พร้อมกับมีการถกเถียงว่าเรื่องนี้ควรจะโทษลูกค้าที่ไม่ให้ทิป หรือควรจะโทษเจ้าของแอปพลิเคชันที่ไม่ให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมกันแน่

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

    จนกระทั่งต่อมาไรเดอร์คนดังก่ลาวได้ออกมาเผยคลิปวิดีโอขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจมาให้ รวมถึงขอบคุณคนที่ร่วมบริจาคเงินให้เขา และช่วยให้เขาย้ายไปอยู่บ้านใหม่ได้ ทั้งนี้เจ้าตัวก็ได้ยอมรับว่า การออกมามาโทษลูกค้านั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ก็ยอมรับว่า บริษัทที่พัฒนาแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มเหล่านี้ควรจะมีความรับผิดชอบในการจ่ายค่าจ้างที่เป็นธรรมให้กับคนส่งอาหารด้วย

ที่มา : Tiktok@livefreestudios

บทความที่คุณอาจสนใจ