เปิดชีวิต "เจ้ดาวเหลื้อง" จากแม่ค้าหาบเร่ เรียนจบป.4 สู่เจ้าของแบรนด์กาแฟ 1,000 ล้าน
LIEKR:
สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนเป็นอย่างดี สำหรับ "เหลื้อง ลิดดัง" ผู้สร้างตำนานจากเด็กหญิงบ้านยากจนเรียนจบชั้นป.4 หาบแร่ของขาย เพื่อหาเลี้ยงคนในครอบครัว (อ่านเพิ่มเติม : "เบิร์ด ธงไชย" เปิดบ้านเพื่อนสนิท 30 ปี จาก "แม่ค้ายากจน" วันนี้เป็นเศรษฐีนี บ้านยังกับวัง!)
กว่าจะรวยร้อยล้ายพันล้าน เป็นเจ้าของแบรนด์กาแฟชื่อ ดังดาวคอฟฟี่ ที่มีเสียงระบือโลกแบบนี้ เบื้องหลังชีวิตของเธอนั้นสุดรันทดปากกัดตีนถีบ กระทั่งวันหนึ่งสร้างเนื้อสร้างตัวได้ กลายเป็นผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุด
"เจ้ดาวเหลื้อง" มีอายุ 70 กว่าปีแล้ว เธอเผยว่า "แม้วันนี้จะรวยเป็นร้อยล้านพันล้านแต่บอกตามตรงว่ายังไม่ชินกับความรวยสักเท่าไหร่" วันนี้ฉันยังเป็นเหมือนเดิมถือว่าเป็นเรื่องปกติและธรรมดา แค่คิดว่าเรามีมากก็ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากมากขึ้นใครลำบากฉันช่วยหมด พ่อฉันสอนว่า "ถ้ามีกินแล้วเก็บไว้กินเองเดี๋ยวก็หมด แต่ถ้ารู้จักแบ่งให้คนอื่นกินยังไง ก็ไม่มีวันหมด" แต่ถ้ารู้จักแบ่งปันให้คนอื่นกินกินยังไงก็ไม่มีวันหมด เพราะวันหนึ่งคนที่เคยช่วยไว้จะกลับมาช่วยเราเองอย่างแน่นอน
วันไหนเหนื่อยวันไหนเจออุปสรรค ฉันก็ไม่ถอยนะ มีอาจารย์คนแก่ๆเคยดูดวงให้ ฉันถามว่าเมื่อไหร่จะสบาย เขาบอกไม่ต้องพูดคำว่าสบาย ก่อนจะเอาฝาโลงมาปิด เจ้ยังเปิดฝาโลงออกบอกอย่าเพิ่งปิด เพราะยังสั่งเสียไม่เสร็จ คือชีวิตนี้ไม่ต้องคิดหรอกว่าจะสบาย
เมื่อถามถึงว่า เคยเสียใจน้อยใจไหมที่เกิดมาจน และต้องใช้ชีวิตลำเค็ญ เจ้ดาวเหลื้องก็ตอบว่า พ่อแม่ฉันยากจน พ่อเป็นคนงานก่อสร้าง และเหยียบสามล้อ ฉันเป็นพี่คนโต มีน้อง 8 คน เรียนจบแค่ ป.4 ต้องมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว แต่ฉันไม่เคยเสียใจที่ไม่ได้เรียนหนังสือ อยากหาสตางค์ ใครจ้างอะไรทำหมด เคยรับจ้างซักรีดเสื้อผ้า หาบไอติมขาย หาบกล้วยปิ้งข้าวโพดปิ้งขาย
ชีวิตค่อย ๆ ไปในทางที่ดีขึ้น เริ่มลืมตาอ้าปากได้ ก็ตอนไปค้าขายที่เวียงจันทน์ เป็นแม่ค้าขายกับข้าวในตลาด ฉันคิดตลอดว่าพวกเราจนเกินไป ทำไมไม่มีสตางค์ พอมีเพื่อนชวนให้ส่งของใช้ของจำเป็นจากเวียงจันทน์ไปขายที่จำปาสักจึงลองทำดู สมัยนั้นเพิ่งเปิดประเทศใหม่ๆแขวงจำปาสักยังขาดแคลนทุกอย่าง หลังแต่งงานกับหมอผ่าตัด “ดร.ฮ่าว ลิดดัง” ตอนอายุ 32 ปี จึงมีโอกาสเรียนทำเบเกอรีที่กรุงเทพฯ และกลับมาอบขนมขายที่บ้านในจำปาสัก ทำอะไรก็ขายได้หมด
ชีวิตหลังแต่งงานสุขสบายขึ้น แต่ด้วยความที่มีเพื่อนเยอะ จึงมีคนชวนให้เป็นยี่ปั๊วเปิดบริษัทนำเข้าของกินของใช้จากไทยมาขายที่จำปาสัก แรกๆไม่กล้าทำหรอก เพราะไม่มีความรู้ แต่เพื่อนข้าราชการช่วยเรื่องเอกสารทุกอย่าง และยืนยันว่าเธอเป็นคนเก่งคนสู้ชีวิตต้องทำได้
ตอนเปิดบริษัท “ดาวเฮือง อิมพอร์ตเอ็กซ์พอร์ต” เมื่อปี 1991 มีแค่ห้องแถวเดียวกับเงินทุนหลักแสน ฉันขายทุกอย่าง ตั้งแต่น้ำปลา, ผงชูรส, น้ำตาล, รองเท้าผ้าใบตราม้าดาว, น้ำอัดลม และเบียร์ สมัยนั้นสั่งของทีหนึ่ง 20-30 คันรถสิบล้อ ถือเป็นยี่ปั๊วรายใหญ่สุดของจำปาสักและลาวใต้ โอกาสมาถึงอีกครั้งตอนมีเพื่อนชวนเปิดดิวตี้ฟรี
กว่าจะได้เป็นเจ้าแม่ดิวตี้ฟรีไม่ใช่เรื่องง่าย เปิดดิวตี้ฟรีแรกสำเร็จตอนปี 1996 เปิดใหม่ๆเจออุปสรรคเยอะ เพราะมีเจ้าใหญ่ทำอยู่แล้ว เราต้องเลี่ยงไปทำเทรดผ่านแดนแทน โดยนำเข้าสินค้าจากไทยผ่านลาวส่งออกไปขายประเทศที่สาม คือเวียดนาม จุดแรกทำด่านผ่านแดนที่ลาวกับเวียดนาม ใครสั่งอะไรมาเราก็ส่งไปขายหมด ตอนนี้เองมีโอกาสได้จับเงินล้าน
จุดเริ่มต้นที่ผันตัวมาเป็นผู้ผลิตผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ของประเทศ
ฉันนำเข้าสินค้าจากเมืองไทยมาขายในลาวเยอะ รัฐบาลลาวเลยขอให้หาสินค้าลาวส่งออกไปขายนอกประเทศเพื่อสร้างสมดุลการค้า ตอนนั้นฉันนึกถึงกาแฟ เพราะจำปาสักเป็นแหล่งปลูกกาแฟใหญ่ ตอนแรกๆไม่ได้คิดทำจริงจัง แค่ซื้อเมล็ดกาแฟจากชาวบ้านไปส่งออก ต่อมารัฐบาลขอให้ลงทุนปลูกกาแฟเองด้วย
ฉันต้องกัดฟันทำ เริ่มจากจ้างชาวไร่ปลูกกาแฟปลูกไปได้เดือนสองเดือน เห็นต้นกาแฟแตกใบอ่อนๆก็รู้สึกรักต้นกาแฟแล้ว จึงตัดสินใจปลูกกาแฟจริงๆ ทำไปได้ 6-7 เดือน ลูกเห็บลงต้นกาแฟตายหมด ขาดทุนไปหลายแสนเหรียญยูเอส ฉันก็สู้ต่อเพราะรักต้นกาแฟไปแล้ว ปลูกไป 4-5 ปี ถึงจะได้เมล็ดกาแฟพร้อมส่งออก 100 กว่าตัน แต่ขายได้ราคากิโลละเหรียญ สงสารชาวบ้านมากปลูกแทบตายขายไม่ได้ราคา จึงคิดว่าต้องทำโรงงานผลิตกาแฟสำเร็จรูป แต่กว่าจะสร้างโรงงานสำเร็จต้องใช้เวลา 10 ปี ระหว่างนั้นฉันยังช่วยชาวบ้าน เอาต้นกล้ากาแฟอาราบิกาไปแจกให้ปลูกฟรีๆปีละล้านต้น แจกมาต่อเนื่องเป็น 10 ปี ฉันไม่เคยผูกขาด จะบอกตลอดว่าที่ไหนขายได้ราคาดีกว่าก็ไปขายเลย แต่ชาวบ้านก็ยังรักเรา เพราะเราให้ราคาดี และไม่เคยบีบบังคับ
ปัจจุบันไร่กาแฟของเรามีพื้นที่ 1,500 ไร่ ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโบลาเวน แขวงจำปาสัก ซึ่งเป็นดินภูเขาไฟ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร เรายังรับซื้อผลผลิตจากชาวไร่ละแวกนั้นอีก 2,000 กว่าครัวเรือน ฉันไม่ได้คิดเรื่องรวยหรอก อยากเห็นเมล็ดกาแฟดีกินอร่อย กำไรหรือขาดทุนไม่สน
ความรู้น้อยเงินทุนก็น้อย ทำยังไงถึงประสบความสำเร็จไม่โดนโกง
เจ้ดาวเหลื้อง เผยว่า ฉันรู้จักคนเยอะ ไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก เวลาค้าขาย ฉันถือความซื่อสัตย์สำคัญที่สุด สมัยแรกๆฉันสั่งซื้อของจากยี่ปั๋วที่อุบลราชธานีต้องใช้เงินสดเท่านั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งยี่ปั๊วทอนเงินเกินมาหมื่นบาท ฉันรีบเอาเงินไปคืนทันที ทำให้ยี่ปั๊วไว้ใจและตั้งแต่วันนั้นยอมปล่อยเครดิตให้ยาว
เจ้ดาวเหลื้องเผยอีกว่า เราไม่รู้อะไรเลย แค่จ้างคนมาทำบัญชี แต่คนทั้งจังหวัดเขาเป็นหนี้บุญคุณคุณหมอที่เคยรักษา (สามีของเจ้เป็นคุณหมอรักษาชาวบ้าน) เขาก็เลยมาช่วยซื้อของเรา เราก็สั่งซื้อเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนทางฝั่งไทยตกใจ เลยชวนเราไปอบรม ทำให้เรารู้วิธีซื้อสินค้าตรงจากแต่ละบริษัท ไม่ต้องซื้อจากร้านค้าที่อุบลแล้ว ก็ได้ราคาถูกลงมาอีก ซึ่งทำธุรกิจมาถึงทุกวันนี้ได้เพราะท่านหมอ
"คุณหมอรักษาคนมาหลายสิบปี ช่วยให้คนรอดตายเยอะ คนนับถือเขาทั้งเมือง เวลาเราค้าขายคนก็มาช่วย"
ส่วนท่านหมอก็บอกว่า ที่ท่านรักษาคนได้มากขนาดนี้ก็เพราะคุณแม่
"นานๆ ผมก็ขอเงินเมียเอาไปซื้อยาให้คนไข้ เพราะเขาไม่มีจริงๆ เมียผมบอกว่า เอาเลย ใครต้องผ่าตัดแล้วไม่มีเงินมาเอาที่บ้านเลย คิดว่าทำบุญ เดี๋ยวบุญก็จะกลับคืนมาให้ลูกให้เมีย"
และที่น่าชื่นชมมาก ๆ สำหรับเจ้ดาวเหลื้องและสามีอีกอย่างนอกจากจะทำงานเก่งทั้งคู่แล้ว หน้าที่พ่อแม่ทั้งคู่ก็ทำได้เป็นอย่างดี เลี้ยงลูกแบบไม่บังคับ อยากเป็นอะไรก็เป็น อยากทำอะไรก็ทำ
แครอลลูกสาวคนโต บอกว่า คุณแม่ของเธอเป็นคนที่กล้าลงทุน กล้าได้กล้าเสีย ไม่ค่อยคิดเรื่องขาดทุนกำไร ถ้าอยากทำอะไรแล้วก็ลุยเลย คุณแม่เลยทำอะไรที่เพื่อนพ้องบอกว่า บ้า ครั้งแล้วครั้งเล่า
"พ่อเขาชอบบอกแม่ว่า อย่าทำธุรกิจใหญ่เกินไป เดี๋ยวลูกจะเหนื่อย"
"ไม่ใช่แบบนั้น ผมบอกว่า คุณเก่งคุณทำได้ ถ้าลูกเขาไม่เก่งเหมือนคุณ เดี๋ยวลูกจะลำบาก ขยายธุรกิจเพิ่มเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเราขยายเพิ่ม เราต้องดูว่าเราดูแลไหวไหม ถ้าเราดูแลไม่ไหวก็จะปวดหัว เสียเงิน แล้วก็โดนคนดูถูกอีก" คุณพ่อกล่าว
"แม่ถามลูกว่า อยากทำต่อไหม ถ้าไม่ทำก็จะให้คนมาเทกโอเวอร์ ขายเลย เราทำไว้ดีแล้ว ถือว่าจบดีแล้ว ไม่ได้ขายของเหลือให้ใคร ต่อไปแม่ก็อยากจะไปสร้างวัด ไปอยู่วัดกับเพื่อนๆ ที่ไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว"
แต่แครอลลูกสาวคนโตที่ร่ำเรียนมาทางด้านบริหารธุรกิจมีปริญญาหลายใบจากหลายประเทศ มีความสุขกับการรับช่วงกิจการต่อ ตอนนี้ก็เป็นกำลังหลักในการบริหารงาน และพากาแฟดาวมาได้ไกลขนาดนี้
"ฮาวีย์อยากเรียนหมอเหมือนพ่อ" คุณแม่พูดถึงลูกชาย "เขาเห็นประชาชนรักพ่อ เขาอยากเป็นแบบนั้นบ้าง แต่เขาไม่ถนัดด้านนี้ เราเลยปลอบใจลูกว่า หมอบางคนเขาก็ไม่ดี หลอกเลี้ยงไข้เอาเงิน ถ้าลูกมีวิชาอะไรดีแล้วเอาไปช่วยคน ไม่เอาเปรียบคน ไม่หลอกคน ไม่ต้องเป็นหมอก็เป็นคนดีได้ เขาก็สบายใจ สุดท้ายก็เรียนสถาปัตย์ เราก็บอกว่า ถ้ามีเพื่อนมีญาติไม่มีเงิน ไปเขียนแบบช่วยเขา เราก็ได้ช่วยคนเหมือนกัน
ส่วนลูกคนเล็กกำลังเรียนหมออยู่ที่ศิริราช และอยากใช้ชีวิตตามรอยท่านหมอ
“เขาไม่อยากหาเงินนะ เขาบอกว่า ถ้าอยากได้เงินไม่อยู่ที่นี่หรอก ไปต่างประเทศแล้ว เขาบอกตั้งแต่ก่อนเรียนแล้วว่า เรียนจบจะทำโรงพยาบาลที่รักษาคนจน ไม่เอาเงิน ช่วยคนจน ช่วยเด็กกำพร้า เขาให้เราสัญญาว่า ถ้าเรียนจบแล้วต้องให้เงินเขาสร้างบ้านหลังหนึ่งไว้รักษาคนนะ แล้วจะหาเงินมาคืนแม่ เขาก็กลัวว่าแม่แก่แล้วจะลืม เตือนตลอด"
"ผมก็ดีใจนะ ช่วยคนแบบนี้ดีเลย ผมก็ให้ไอเดียเขาว่าให้ทำเป็นโรงพยาบาลแม่และเด็ก คนไข้ผู้ชายมาตรวจกลางวันได้ แต่ไม่ให้ค้าง" คุณพ่อบอกว่า คงไปช่วยรักษาด้วยไม่ไหว ขอช่วยวิธีอื่นแทน
"เราแบ่งหุ้นในบริษัทให้ลูกๆ หมดแล้ว ส่วนของผมมีหุ้นอยู่ในบริษัททั้งหมดเท่าไหร่ ผมจะให้เขาหมดเลย เอาเงินไปช่วยโรงพยาบาลหมดเลย ผมจะช่วยเขาแบบนั้น"
ชมคลิป
ชลรัศมีกับวีไอพี ปี11 "คุณเหลื้อง-ลิดดัง" #เจ้าของธุรกิจกาแฟหมื่นล้าน
คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<
คุยกับทายาทรุ่นที่ 2 แห่ง ‘ดาวคอฟฟี่’ กับเส้นทางสู่ระดับโลกของกาแฟลาว
คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<
ที่มา : thairath, readthecloud